กรมชล อธิบดีกรมชลประทาน กรมชลประทาน ภาษาอังกฤษ DPIS กรมชลประทาน กรมชลประทาน ปากเกร็ด สอบกรมชลประทาน
“กรมชล” กรมชลประทาน ได้มีโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ ได้ลงพื้นที่เร่งเข้าเจรจากับตัวแทนราษฎรในเขตตำบลบางหลวงโดด และ ตำบลบางหลวง อำเภอบางบาล ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังได้ประท้วงโดยทำการปิดถนนเส้น ผักไห่-บางบาล บริเวณคันกั้นน้ำชลประทานริมคลองโผงเผง กรมชลประทาน ภาษาอังกฤษ เพื่อกดดันให้กรมชลประทานเปิดประตูระบายน้ำริมคลองโผงเผง เข้าทุ่งป่าโมกเพิ่มเติม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎร นอกคันกั้นน้ำริมคลองโผงเผง
กรมชลประทาน ปากเกร็ด
ภายหลังจากการเจรจา ก็ได้มีข้อสรุปให้กรมชลประทานเปิดประตูระบายน้ำ คลองตานึ่ง ได้มีการเพิ่มเติม 0.50 เมตร ให้เข้าทุ่งป่าโมก แต่ไม่ให้กระทบกับทางสัญจรสายหลักภายในทุ่ง รวมทั้งบ้านเรือน ที่มีอยู่ประมาณ 30 หมู่บ้าน 640 หลังคาเรือน ซึ่งราษฎรทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจและยินดีปฏิบัติตาม ข้อตกลงดังกล่าวทั้งนี้ปัจจุบันโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ได้ดำเนินการเปิดประตูระบายน้ำคลองตานึ่งขึ้น 0.50 เมตร และบริหารจัดการน้ำตามกระบวนการอย่างระมัดระวังและตามความเหมาะสมของสถานการณ์ โดยการเพิ่มการระบายน้ำเป็นลำดับ กรมชลประทาน ปากเกร็ด แบบขั้นบันได
โดยบูรณาการในทุกภาคส่วนและประชาชนในพื้นที่ในการมีส่วนร่วม และ เน้นย้ำด้านการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับความสอดคล้องในการระบายน้ำ และระดับน้ำที่จะเพิ่มขึ้น เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่สามารถเตรียมรับมือได้อย่างทันเวลา
DPIS กรมชลประทาน
และด้าน กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ รายงานสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำ โดยแจ้งเฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยา ในช่วงวันที่ 3 – 9 ตุลาคม 2565 คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ประมาณ 400 ล้านลูกบาศก์เมตร กรมชลประทานจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำเพื่อควบคุมปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อรักษาเสถียรความมั่นคงของตัวเขื่อน โดยจะทยอยปรับเพิ่มจากอัตรา 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นอัตรา 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที DPIS กรมชลประทาน ซึ่งจะทำให้พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสักด้านท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
อธิบดีกรมชลประทาน
อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ถึงเขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น 0.40 – 1.00 เมตรและบริเวณท้ายเขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น 0.40 – 0.60 เมตร และจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น 0.25 – 0.50 เมตร ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่าน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ในเกณฑ์ 3,300 – 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และส่งผลให้เกิดน้ำอัดเท้อไหลย้อนเข้ามาในแม่น้ำน้อยทำให้ระดับแม่น้ำน้อยเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับลุ่มน้ำยมเกิดน้ำป่าไหลหลาก ซึ่งได้หน่วงน้ำโดยการผันน้ำเข้าไปเก็บในทุ่งบางระกำเต็มความจุแล้ว อธิบดีกรมชลประทาน และมีน้ำหลากจากแม่น้ำปิงไหลมารวมกับแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการลดผลกระทบน้ำท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจาก จ.ชัยนาทถึงสมุทรปราการ จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ 2,700 – 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลกระทบให้ระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาบริเวณ สอบกรมชลประทาน อ.เมืองชัยนาทและมโนรมย์ จ.ชัยนาท และ อ.เมืองอุทัยธานี จ.อุทัยธานี เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.30 เมตร “กรมชล”
ขอขอบคุณเครดิต bangkokbiznews.com